• เผยแพร่เมื่อ: วันจันทร์, 13 มกราคม 2563 19:56

ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นภาวะที่น้ำตาหลั่งออกมาแล้วไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ ทำให้มีน้ำตาเอ่อล้นในตา ตาแฉะ พบมากในทารก และคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย

 

สาเหตุ

 

  1. มีความผิดปกติของเปลือกตา เช่น เปลือกตาแบะออก หรือม้วนเข้า
  2. การอุดตันของระบบทางเดินน้ำตา
  3. รูท่อน้ำตาตีบ หรือไม่เจริญ (punctal stenosis)
  4. ท่อน้ำตาอุดตัน/ตีบ (canaliculi obstruction or stenosis)
  5. ทางเดินน้ำตาอุดตัน (Nasolacrimal obstruction)

 

อาการ

    - มีน้ำตามากกว่าปกติ น้ำตาเอ่อล้นตลอดเวลา

     - มีขี้ตาสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนม หรือเหลืองคล้ายหนอง

     - อาจมีหัวตาบวมแดงจากภาวะถุงน้ำตาอักเสบ ซึ่งอาจเป็นชนิดเฉียบพลัน หรือเรื้อรัง

 

การรักษา

  1. ใช้ยาหยอดตากลุ่มยาปฏิชีวนะหยอดตา วันละ 4 ครั้ง
  2. นวดบริเวณหัวตา (Hydrostatic massage) โดยใช้นิ้วกดบริเวณหัวตา ตรงตำแหน่งถุงน้ำตา ใช้แรงกดเพื่อทำให้ปลายท่อเปิดออกในเด็กที่เป็นตั้งแต่กำเนิด
  3. แยงท่อน้ำตา/ล้างท่อน้ำตา ในเด็กเล็กแรกคลอด ถึง 6 เดือน โดยที่ใช้วิธีการนวดแล้วไม่ได้ผล หลัง 6 เดือนแล้วยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณาใช้วิธีการแยงท่อน้ำตา
  4. การผ่าตัด ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี คือ

           - แบบเปิด จะมีแผลที่ผิวหนังขนาด 1.5 cms. บริเวณหนังตา ต้องตัดไหม อาจทำโดยวิธีฉีดยาชาหรือวิธีดมยาสลบ

           - แบบผ่านทางรูจมูก (FENDCR : Fiberoptic- guied Endo Nasal Dacryo Cysto rhinostomy) มักใช้วิธีดมยาสลบ ใช้สาย Fiberoptic-guide หาตำแหน่งผ่าตัด และใส่ท่อซิลิโคนทิ้งไว้นาน 6 อาทิตย์ ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อป้องกันการเกิดภาวะท่อน้ำตาอุดตันซ้ำ

        5. การใช้เลเซอร์ยิง เพื่อสร้างรูเชื่อมระหว่างถุงน้ำตากับจมูก แทนการเจาะจมูก ซึ่งในบ้านเรายังไม่เป็นที่นิยม และมีราคาสูง

  1.           

  2.  

    การปฏิบัติตัว

    กรณีที่รักษาโดยใช้ยา

    1. รับประทานอาหาร หรือทำงานได้ตามปกติ
    2. หยอดยาตามการรักษาของแพทย์ ร่วมกับการนวดหัวตาข้างที่เป็นโรคบ่อยๆ
    3. มาตรวจตามแพทย์นัด

     

    กรณีที่รักษาโดยการผ่าตัด

    1. ห้าม แคะ แกะ เกา หรือตัดท่อซิลิโคนที่เย็บติดกับด้านข้างของรูจมูกออก เพราะจะทำให้การรักษาของแพทย์ไม่ได้ผล
    2. รักษาความสะอาดของจมูก ไม่ควรไอหรือจามแรงๆ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกหลังผ่าตัดได้
    3. รับประทานยาตามการรักษาของแพทย์ให้ครบ
    4. ถ้ามีภาวะตาบวม แดง ปวด หรือเป็นไข้สูง ให้มาพบแพทย์ก่อนนัด
    5. มาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้ง