• เผยแพร่เมื่อ: วันจันทร์, 13 มกราคม 2563 20:37

กะโหลกศีรษะมนุษย์ เป็นโครงสร้างของกระดูกที่ประกอบขึ้น เป็นโครงร่างที่สำคัญศีรษะของมนุษย์ กะโหลกศีรษะทำหน้าที่ปกป้องสมอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบประสาท รวมทั้งเป็นโครงร่างที่ค้ำจุนอวัยวะรับสัมผัสต่างๆ ทั้งตา หู จมูก และลิ้น และยังทำหน้าที่เป็น ทางเข้าของทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ เมื่อแรกเกิดกะโหลกศีรษะ จะประกอบด้วยกระดูกหลายชิ้นซึ่งเมื่อเจริญเติบโตขึ้นกระดูกเหล่านี้จะเกิดการสร้างเนื้อกระดูกและเชื่อมรวมกัน แม้ว่ากะโหลกศีรษะ จะเป็นโครงสร้างที่มีความแข็งแรงก็ตาม การกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างแรง ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตและพิการได้ ทั้งจากการบาดเจ็บจากเนื้อสมองโดยตรง การตกเลือดในสมอง และการติดเชื้อ

 

สาเหตุ

   ผู้ป่วยสูญเสียกะโหลกศีรษะบางส่วน อาจเป็นผลจากที่ผู้ป่วยได้รับอุบัติเหตุ เช่น อุบัติเหตุจากจราจร ตกจากที่สูง ถูกทำร้ายร่างกาย กีฬาและ

นันทนาการ ถูกยิง หรือแรงกระแทกอื่นๆ

 

การรักษา

     การผ่าตัดปิดกะโหลกศีรษะ  ในภายหลัง   โดยทั่วไปจะผ่าตัดปิดกะโหลก   เมื่อสมองยุบบวม และไม่มีการติดเชื้อที่ระบบต่างๆ   ของร่างกาย          โดยระยะเวลาประมาณ 1-6 เดือน หลังผ่าตัดเปิดกะโหลกครั้งแรก เพื่อลดอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อ      โดยใช้กะโหลกศีรษะเทียม(Methylmethracrylate)

 

 

การปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัด

  • ผู้ป่วยควรได้รับการพักผ่อน อย่างเพียงพอ
  • งดน้ำงดอาหารก่อนผ่าตัด 6-8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และอาการสำลักอาหารและน้ำเข้าหลอดลม
  • เตรียมความสะอาดร่างกายก่อนผ่าตัด อาบน้ำ สระผมให้สะอาด
  • เตรียมบริเวณที่จะทำการผ่าตัดบริเวณศีรษะ โดยการโกนผม
  • ถอดฟันปลอม(ถ้ามี) และควรถอดเก็บของมีค่าฝากญาติไว้ก่อนจะไปห้องผ่าตัด
  • เซ็นใบยินยอมให้แพทย์ทำการผ่าตัด
  • ถ้ารับประทานยาห้ามการแข็งตัวของเลือด ให้หยุดยาก่อนผ่าตัด 5-7 วัน ตามแผนการรักษาของแพทย์

หลังการผ่าตัด

  • หลังการผ่าตัดจะมีแผลผ่าตัดบริเวณศีรษะที่ใส่กะโหลกเทียม เย็บแผลด้วยไหมไม่ละลาย
  • ผู้ป่วยจะมีสายระบายเลือดหรือสิ่งคัดหลั่งออกจากแผลผ่าตัด

 

 

การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด

  • รักษาความสะอาดของแผลผ่าตัดระวังไม่ให้โดนน้ำ
  • สังเกตแผลผ่าตัดหากบวมแดงมีเลือดหรือหนองซึม ควรรายงานพยาบาลหรือแพทย์บนหอผู้ป่วย

 

การให้คำแนะนำเมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน

  • รักษาความสะอาดแผล ไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ ไม่แกะหรือเกาแผล เพราะอาจจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่บาดแผลได้
  • ทำความสะอาดแผลตามแพทย์สั่ง ที่โรงพยาบาล หรือสถานีอนามัยใกล้บ้าน
  • สังเกตอาการผิดปกติ ได้แก่ อาการปวดแผล แผลบวมแดง มีหนอง มีไข้ ควรมาพบแพทย์ทันที
  • มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ