• เผยแพร่เมื่อ: วันจันทร์, 13 มกราคม 2563 20:20

สาเหตุ

การหักที่ส่วนคอของกระดูกต้นขา หรือข้อสะโพก (Femoral Neck Fracture) มักเกิดในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุสูงเกิน 60 ปี สำหรับกลุ่มที่มีอายุน้อยนั้น การหักมักเกิดจากอุบัติเหตุที่รุนแรง จากข้อมูลพบว่าผู้ป่วยร้อยละ 90 เป็นผู้สูงอายุที่เกิดการลื่นล้ม ทั้งนี้เนื่องจากผู้สูงอายุมีความสามารถในการควบคุมการทรงตัวของระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ด้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีวัยหมดประจำเดือนจะพบปัญหาภาวะกระดูกพรุน และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กระดูกหักได้แม้ได้รับอุบัติเหตุไม่รุนแรง

อาการของผู้ป่วย

ในกรณีของผู้ป่วยที่ส่วนคอของกระดูกต้นขาหักและชิ้นส่วนกระดูกที่หักมีการเคลื่อนออกจากกัน ผู้ป่วยจะไม่สามารถยืนหรือเดินได้ ขาจะดูสั้นลงและอยู่ในลักษณะบิดหมุนออกด้านนอก มีอาการเจ็บรอบๆ ข้อสะโพก หากขยับเขยื้อนจะทำให้ปวดมากขึ้น ในกรณีที่กระดูกหักแต่รอยหักไม่มีการเคลื่อนออกจากกัน ผู้ป่วยอาจสามารถยืนเดินได้บ้าง แต่จะมีอาการปวดขัดที่สะโพกหรือบริเวณต้นขา ในบางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปที่เข่า

การตรวจวินิจฉัย

ผู้ป่วยจะได้รับการวินิจฉัยโดยการถ่ายภาพรังสีบริเวณกระดูกเชิงกรานและข้อสะโพก เพื่อประเมินรอยหักและวางแผนการรักษา

วิธีทางการรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม

กรณีกระดูกหักแต่รอยหักไม่มีการเคลื่อนที่ การรักษาจะทำการยึดตรึงกระดูกที่หักโดยใช้สกรู กรณีกระดูกหักและรอยหักมีการเคลื่อนที่ เพื่อป้องกันปัญหารอยหักไม่ประสานติดกัน และหัวกระดูกขาดเลือดมาเลี้ยง จะต้องจัดชิ้นส่วนที่หักให้เข้าที่โดยเร็วและยึดตรึงด้วยวิธีที่เหมาะสม ในผู้ป่วยสูงอายุที่มีกระดูกพรุน การรักษาที่เหมาะสมคือการเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมโดยผ่าตัดเอาเฉพาะส่วนหัวของกระดูกต้นขาออก แล้วใส่ข้อสะโพกเทียมเข้าไปแทนที่ ซึ่งเป็นวัสดุประดิษฐ์ ทำจากโลหะใช้แทนหัวกระดูกต้นขาเดิม และนิยมยึดตรึงกับกระดูกต้นขาโดยใช้ซีเมนต์ยึดกระดูก

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดที่ถูกต้องจะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผ่าตัด

  1. การทำความสะอาดร่างกาย ก่อนผ่าตัด งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน และได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
  2. การตรวจเลือด คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเอกซเรย์ปอด
  3. การเตรียมเลือด 1-2 ยูนิต
  4. ถ้ารับประทานยาห้ามการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ให้แจ้งแพทย์ หรือพยาบาล  ก่อนผ่าตัดต้องหยุดยาก่อนผ่าตัด 7 วัน

ท่านจะพบอะไรที่ห้องผ่าตัด

เมื่อถึงห้องผ่าตัด ผู้ป่วยจะหยุดรออยู่ที่จุดรอผ่าตัดประมาณ 30 นาที ซึ่งญาติ สามารถเข้ามาดูแล หรือให้กำลังใจท่านได้ไม่เกิน 2 คน โดยมีพยาบาลห้องผ่าตัดคอยดูแลท่านระหว่างรอผ่าตัด   เมื่อใกล้เวลาผ่าตัด เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดจะนำท่านเข้าไปยังห้องผ่าตัด จากนั้นท่านจะได้รับการระงับความรู้สึกโดยฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง หรือดมยาสลบโดยทีมวิสัญญีแพทย์และพยาบาล

ท่านจะพบสิ่งใดบ้างหลังผ่าตัด

มีบาดแผลบริเวณสะโพกข้างที่กระดูกหัก มีสายระบายเลือดต่อจากแผลผ่าตัดซึ่งจะใส่ไว้ประมาณ 1-2 วัน  ส่วนสายสวนปัสสาวะจะคาไว้จนกว่าท่านจะลุกนั่งได้

ควรจะปฏิบัติตนอย่างไรในวันแรกหลังผ่าตัด

ท่านที่ได้รับยาชาเข้าไขสันหลัง ควรนอนราบ (หนุนหมอนต่ำๆ) หรือนอนตะแคงหลังผ่าตัด 8 ชั่วโมง และสอดหมอนสามเหลี่ยมตลอดเวลาเพื่อป้องกันข้อสะโพกเคลื่อนหลุด หลังจากนั้นท่านสามารถปรับเตียงนอนให้หัวสูงได้ 30-45 องศาหากแพทย์เห็นสมควร ท่านที่ได้รับการดมยาสลบ ควรบริหารปอดโดยการสูดหายใจเข้าออกแรงๆ หรือเป่าลูกโป่งให้ปอดขยายตัว ป้องกันภาวะปอดแฟบ

ข้อควรปฏิบัติหลังผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม

  1. ไม่ควรนั่งยองๆ คุกเข่า พับเพียบ หรือนั่งไขว่ห้าง
  2. ไม่ควรยืนไขว้ขาไม่ก้มใส่รองเท้าเองไม่ก้มเก็บของที่พื้น
  3. หลีกเลี่ยงการขี่จักรยาน ซ้อนมอเตอร์ไซด์ เพราะอาจทำให้สะโพกงอมากไป เสี่ยงต่อการเกิดข้อสะโพกเทียมหลุดได้
  4. หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่ต้องกระโดด หรือปะทะต่อสู้

    5. ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาตัวเล็กปลาตัวน้อย เต้าหู้ งาดำ เป็นต้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก

 

ภาพตัวอย่างการปฏิบัติตนหลังการผ่าตัด