- เผยแพร่เมื่อ: วันจันทร์, 13 มกราคม 2563 20:00
นิ่วในถุงน้ำดี
น้ำดีผลิตจากตับตับเป็นอวัยวะที่มีรูปร่างเหมือนสามเหลี่ยมอยู่ที่บริเวณช่องท้องด้านขวาและมีท่อเชื่อมต่อกับถุงน้ำดีที่อยู่ด้านหลัง เมื่อตับผลิตน้ำดีแล้วจะถูกส่งไปเก็บที่ถุงน้ำดี และเมื่อเรารับประทานอาหารประเภทไขมัน น้ำดีจะถูกขับออกมาจากถุงน้ำดี ไปยังลำไส้เล็กเพื่อทำหน้าที่ย่อยอาหารพวกไขมัน
นิ่วในถุงน้ำดีเกิดขึ้นได้อย่างไร
นิ่วในถุงน้ำดี (gall stones) เกิดจาการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) หรือคลอเลสเทอรอลที่มีอยู่ในน้ำดี
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
พบว่า ความอ้วน โรคเบาหวาน โรคโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก คนที่มีระดับคลอเลสเทอรอลในเลือดสูง ชอบอาหารไขมันสูง ดื่มแอลกอฮอล์ หญิงที่มีบุตร การได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจน การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจะมีโอกาสเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าคนทั่วไป
อาหารที่ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
อาหารจำพวกแป้งที่ไม่ขัดสี ผักและผลไม้สด รำข้าวโอ๊ด และถั่ว ส่วนอาหารที่ควรงดเว้น ได้แก่ อาหารทอด และอาหารมันๆ
นิ่วในถุงน้ำดี มีอาการอย่างไร
ผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดี อาจไม่มีอาการเลย หรือมีอาการบางอย่าง ดังต่อไปนี้ได้
- ปวดเสียดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือ ลิ้นปี่ซึ่งมักเป็นหลังรับประทานอาหารมัน แต่อาการอาจเป็นอยู่นานหลายชั่วโมง (แต่มักไม่เกิน 8 ชั่วโมง) แล้วค่อยกลับเป็นปกติ อาจร้าวไปสะบักขวาหรือที่หลัง
- ถ้าถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงขวามากขึ้น และมีการตรวจพบการกดเจ็บบริเวณนี้ ร่วมกับมีไข้ และอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนด้วย
- มีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด เรอลมบ่อยๆ
- อาการดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง จากนิ่วตกลงไปอุดท่อน้ำดีใหญ่
จะตรวจพบว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้อย่างไร
จากอาการแสดงและการตรวจอัลตร้าซาวด์
การรักษา
- นิ่วในถุงน้ำดีไม่สามารถรักษาได้โดยใช้เครื่องสลายนิ้ว
- ใช้ยาสลายนิ่ว ใช้ได้เฉพาะนิ่วบางชนิดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิต ที่สำคัญยาที่ใช้รักษามีราคาแพง
- การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก เป็นการรักษาที่ดีที่สุดซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ถาวร เพื่อไม่ให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีขึ้นได้อีกต่อไป และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
ต่าง ๆ การตัดถุงน้ำดีไม่มีผลต่อการย่อยอาหาร เพราะน้ำดีสร้างมาจากตับ ถุงน้ำดีเป็นเพียงที่เก็บพักน้ำดีเท่านั้น
การผ่าตัดถุงน้ำดี
นิ่วในถุงน้ำดีไม่มีอาการ ส่วนใหญ่ไม่ต้องผ่าตัดเพราะอาจไม่มีอาการเลยตลอดชีวิต ยกเว้นในคนไข้บางกลุ่มที่แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด เช่น อายุน้อย เพราะมีโอกาสเกิดอาการขึ้นมาได้ในอนาคต โรคโลหิตจางบางชนิด ส่วนนิ่วในถุงน้ำดีที่มีอากร หรือมีภาวะแทรกซ้อนแล้ว ควรได้รับการผ่าตัด
การผ่าตัดถุงน้ำดีในปัจจุบัน มี 2 ชนิด
- การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกโดยเปิดช่องท้อง เป็นการผ่าตัดแบบปกติ (OC : Open Cholecystectomy) ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานดั้งเดิม เลือกใช้วิธีนี้ในผู้ป่วยที่ถุงน้ำดีมีอาการอักเสบมากหรือแตกทะลุในช่องท้อง
- การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกโดยใช้กล้องส่องผ่านหน้าท้อง (LC : Laparoscopic Cholecystectomy) ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมมากในปัจจุบัน ถ้าผู้ป่วยไม่มีถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน
การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก
โดยการเปิดช่องท้อง
เป็นการผ่าตัดโดยเปิดแผลบริเวณด้านใต้ชายโครงขวา ขนาดแผลประมาณ 3 นิ้ว บางรายอาจใส่ท่อระบายไว้ 2-3 วันหลังผ่าตัด
ผลดีของการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิด
ผ่าตัดได้ทุกระยะของการอักเสบ
ผลเสียของการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิด
เจ็บแผล ต้องอยู่โรงพยาบาลราว 5-7 วัน ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ จึงสามารถกลับไปทำงานได้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- การงดอาหารและน้ำทุกชนิดหลังเที่ยงคืนก่อนวันผ่าตัด เพื่อป้องกันการสำลักอาหารและน้ำเข้าสู่ปอดขณะผ่าตัด
- อาบน้ำสระผม ตัดเล็บให้สะอาด ก่อนวันผ่าตัด 1วันหรือเช้าวันผ่าตัด
- ทำจิตใจให้สงบสุข ผ่อนคลาย
การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด
- หลังผ่าตัดผู้ป่วยควรเคลื่อนไหว พลิกตะแคงตัว ลุกนั่ง และเดิน เพื่อป้องกันท้องอึด และพังผืดในช่องท้อง
- ผู้ป่วยควรหายใจเข้าออกลึกๆ และไอออกมาทีเดียวให้เสมหะออกมา
- สังเกตแผลผ่าตัด ถ้าพบเลือดซึมมาก แผลบวมแดง ให้แจ้งพยาบาลหอผู้ป่วย
อาการผิดปกติที่ผู้ป่วยควรมาพบแพทย์ภายหลังกลับบ้าน
มีไข้ ปวดในช่องท้อง คลื่นไส้ อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ ตัวเหลือง ตาเหลือง